การเงินและการลงทุน เป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนควรเข้าใจ เพราะสามารถช่วยให้เราวางแผนการเงินในอนาคตได้ดีขึ้น บทความนี้จะอธิบายเกี่ยวกับ 7 คำ ศัพท์ทางการเงิน ที่คุณควรรู้ เพื่อสามารถจัดการการเงินและการลงทุนได้อย่างมั่นใจ
7 คำศัพท์การเงิน ที่ควรรู้

สินทรัพย์ หรือ Asset
สินทรัพย์ คือทุกสิ่งที่เราเป็นเจ้าของและสามารถสร้างมูลค่า หรือสร้างรายได้ให้กับคุณได้ในอนาคต โดยสินทรัพย์สามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภท ได้แก่
- สินทรัพย์ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้น เช่น บ้าน ที่ดิน หรือหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ที่มีโอกาสเพิ่มมูลค่าหรือราคาขึ้นในอนาคต
- สินทรัพย์ที่สร้างรายได้ เช่น อสังหาริมทรัพย์ที่ให้เช่า หรือธุรกิจที่ทำกำไร
- สินทรัพย์ที่มีมูลค่าคงที่ เช่น ทองคำหรือเครื่องประดับ ที่มีมูลค่าไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงไปตามเวลา
การมี สินทรัพย์ ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นหรือสร้างรายได้จะช่วยสร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว หากสามารถบริหารสินทรัพย์เหล่านี้ได้ดี จะช่วยให้คุณเพิ่มความมั่งคั่งและบรรลุเป้าหมายทางการเงินได้อย่างรวดเร็ว
หนี้สิน หรือ Liabilities
หนี้สิน คือเงินที่ต้องชำระหรือหนี้ที่คุณมีภาระต้องรับผิดชอบในอนาคต ซึ่งมักจะเกิดขึ้นจากการกู้ยืมเงินหรือการมีภาระผูกพันทางการเงินกับผู้อื่น หนี้สินสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก
- หนี้สินระยะสั้น หรือ Short-term Liabilities หนี้ที่ต้องชำระภายใน 1 ปี เช่น การผ่อนชำระบัตรเครดิต เงินกู้ยืมระยะสั้น หรือค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายในอนาคตอันใกล้
- หนี้สินระยะยาว หรือ Long-term Liabilities หนี้ที่ต้องชำระในระยะยาวหรือเกิน 1 ปี เช่น การกู้ยืมเพื่อซื้อบ้าน เงินกู้เพื่อการลงทุนระยะยาว หรือภาระผูกพันอื่นๆ ที่ต้องจ่ายในอนาคต
การบริหารหนี้สิน ให้ดีนั้นเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาทางการเงิน การมีหนี้สินไม่ใช่เรื่องแย่เสมอไป แต่หากมีหนี้สินมากเกินไปและไม่สามารถจัดการได้
จะทำให้เกิดปัญหาสภาพคล่อง และทำให้การเงินไม่มั่นคง ดังนั้น ควรมีการวางแผนและควบคุมการก่อหนี้ให้เหมาะสมกับรายรับของตนเอง
กระแสเงินสด หรือ Cash Flow
กระแสเงินสด คือการเคลื่อนไหวของเงินสดที่เข้ามาและออกไปจากธุรกิจหรือบัญชีของบุคคล ซึ่งสะท้อนถึงสถานะทางการเงินของคุณในช่วงเวลาหนึ่ง โดยแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก
- กระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงาน หรือ Operating Cash Flow เป็นกระแสเงินสดที่เกิดจากการทำธุรกิจหรือการดำเนินงานปกติ เช่น รายได้จากการขายสินค้าและบริการ และค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น เช่น ค่าจ้างพนักงาน หรือค่าใช้จ่ายในการผลิต
- กระแสเงินสดจากกิจกรรมการลงทุน หรือ Investing Cash Flow เป็นกระแสเงินสดที่เกิดจากการลงทุนในสินทรัพย์ เช่น การซื้อหรือขายอสังหาริมทรัพย์, เครื่องมือทางการเงิน หรือการลงทุนในธุรกิจอื่นๆ
- กระแสเงินสดจากกิจกรรมการเงิน หรือ Financing Cash Flow คือกระแสเงินสดที่เกิดจากการยืมเงิน หรือการชำระหนี้ เช่น การกู้ยืมเงินจากธนาคาร หรือการจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้
ผลตอบแทน หรือ Return
ผลตอบแทน คือกำไรหรือขาดทุนที่ได้รับจากการลงทุน ซึ่งอาจได้มาจากการเพิ่มขึ้นของมูลค่าทรัพย์สิน เช่น ราคาหุ้นที่สูงขึ้น หรือ รายได้จากการลงทุน เช่น ดอกเบี้ยจากเงินฝากหรือปันผลจากหุ้น ผลตอบแทนช่วยให้คุณประเมินว่า การลงทุนคุ้มค่าหรือไม่ โดยแบ่งได้เป็น 2 ประเภทหลัก
- ผลตอบแทนจากการลงทุน หรือ Investment Return กำไรที่ได้จากการลงทุนในทรัพย์สินต่างๆ เช่น หุ้น อสังหาริมทรัพย์ หรือธุรกิจ ซึ่งจะเพิ่มมูลค่าหรือให้ผลตอบแทนในรูปแบบเงินปันผล
- ผลตอบแทนจากการออม หรือ Savings Return กำไรที่ได้จากการฝากเงินในธนาคาร เช่น ดอกเบี้ยจากบัญชีเงินฝาก หรือจากการลงทุนในผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ปลอดภัย
การวัด ผลตอบแทน จะช่วยให้คุณรู้ว่าการลงทุนหรือการออมของคุณมีประสิทธิภาพแค่ไหน และสามารถใช้ข้อมูลนี้ในการตัดสินใจลงทุนในอนาคตได้
ความเสี่ยง หรือ Risk
ความเสี่ยง คือความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นจากการลงทุนหรือการตัดสินใจทางการเงิน ซึ่งอาจทำให้คุณได้รับผลตอบแทนที่ต่ำกว่าคาดหวัง หรือประสบปัญหาขาดทุน ความเสี่ยงสามารถเกิดจากหลายปัจจัย เช่น การเปลี่ยนแปลงของตลาด การเมือง หรือสภาพเศรษฐกิจ โดยแบ่งความเสี่ยงออกเป็น 2 ประเภทหลัก
- ความเสี่ยงที่ควบคุมได้ หรือ Controllable Risk ความเสี่ยงที่คุณสามารถลดหรือจัดการได้ เช่น การกระจายการลงทุนเพื่อไม่ให้พึ่งพาแหล่งเดียว หรือการเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ
- ความเสี่ยงที่ควบคุมไม่ได้ หรือ Uncontrollable Risk ความเสี่ยงที่เกิดจากปัจจัยภายนอกที่คุณไม่สามารถคาดเดาหรือควบคุมได้ เช่น การเปลี่ยนแปลงในกฎหมายหรือเหตุการณ์ทางการเมือง
การเข้าใจใน ความเสี่ยง และ การประเมินความเสี่ยง ช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจได้ดีขึ้นในการลงทุน และหลีกเลี่ยงการตัดสินใจที่อาจทำให้เกิดความเสียหายทางการเงิน
ดอกเบี้ย หรือ Interest
ดอกเบี้ย คือค่าตอบแทนที่ต้องจ่ายเมื่อทำการกู้ยืมเงิน หรือรายได้ที่ได้รับจากการฝากเงินหรือการลงทุน เช่น ดอกเบี้ยจากการกู้ยืมเงินจากธนาคาร หรือดอกเบี้ยจากการฝากเงินในบัญชีออมทรัพย์ ดอกเบี้ยสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก
- ดอกเบี้ยเงินกู้ หรือ Loan Interest เป็นดอกเบี้ยที่คุณต้องจ่ายเมื่อยืมเงินจากธนาคารหรือสถาบันการเงิน เช่น การกู้ยืมเงินเพื่อซื้อบ้านหรือรถยนต์ ดอกเบี้ยนี้จะคำนวณจากยอดเงินที่กู้ยืมและระยะเวลาที่ต้องชำระคืน
- ดอกเบี้ยเงินฝาก หรือ Deposit Interest เป็นดอกเบี้ยที่ได้รับจากการฝากเงินในธนาคาร เช่น บัญชีออมทรัพย์ หรือเงินฝากประจำ ซึ่งธนาคารจะจ่ายดอกเบี้ยให้ตามอัตราที่ตกลง
การเข้าใจเรื่องของ อัตราดอกเบี้ย จะช่วยให้คุณตัดสินใจในการกู้ยืมหรือการฝากเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการเลือกอัตราดอกเบี้ยที่ดีที่สุดในแต่ละสถานการณ์
งบการเงิน หรือ Financial Statements
งบการเงิน คือเอกสารที่แสดงข้อมูลทางการเงินของบุคคลหรือบริษัท ซึ่งใช้ในการวิเคราะห์สถานะทางการเงินและผลการดำเนินงาน โดยงบการเงินหลักๆ ประกอบด้วย 3 ชนิด
- งบแสดงฐานะการเงิน หรือ Balance Sheet แสดงสถานะทางการเงินในช่วงเวลาหนึ่ง โดยแบ่งเป็นสินทรัพย์ หนี้สิน และส่วนของเจ้าของ เพื่อให้เห็นว่ามีทรัพย์สินมากน้อยแค่ไหน และหนี้สินเป็นจำนวนเท่าใด
- งบกำไรขาดทุน หรือ Income Statement แสดงรายได้และค่าใช้จ่ายของบริษัทในช่วงเวลาหนึ่ง เพื่อบ่งบอกว่าบริษัททำกำไรหรือขาดทุนในระยะเวลานั้น
- งบกระแสเงินสด หรือ Cash Flow Statement แสดงการไหลของเงินสดที่เข้าและออกจากบริษัท ซึ่งช่วยให้เห็นว่าบริษัทมีสภาพคล่องเพียงพอหรือไม่ในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ
การศึกษา งบการเงิน ช่วยให้คุณเข้าใจสถานะทางการเงินของธุรกิจ หรือการเงินส่วนบุคคล และใช้ในการตัดสินใจทางการเงิน เช่น การลงทุน การยืมเงิน หรือการประเมินผลการดำเนินงานในอนาคต
ศัพท์การเงิน ที่ควรรู้ ไม่ยากอย่างที่คิด
การเข้าใจคำ ศัพท์การเงิน พวกนี้จะช่วยให้คุณสามารถจัดการกับการเงินได้อย่างมั่นใจมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการลงทุน การออม หรือการบริหารหนี้สินต่างๆ หากมีความเข้าใจที่ดีในเรื่องนี้ จะสามารถสร้างความมั่นคงทางการเงินและเพิ่มโอกาสในการบรรลุเป้าหมายทางการเงินของคุณได้อย่างดี